top of page
JFIN Team

เจ เวนเจอร์ส เดินหน้าผลักสร้างอีโคซิสเต็ม JFIN เปิดตัว Join Application

เจ เวนเจอร์ส เดินหน้าผลักสร้างอีโคซิสเต็ม JFIN เปิดตัว Join Application มุ่งยกระดับประสบการณ์และตอบโจทย์การใช้งานของคนไทย




เจ เวนเจอร์ส เดินหน้าขยายวงกว้างสร้างอีโคซิสเต็มการใช้งาน JFIN ให้เติบโต ครอบคลุมทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนไทย รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจ เปิดตัว Join Application หวังสร้างประสบการณ์การใช้แพลตฟอร์มเชื่อมต่อคริปโตให้เป็นเรื่องง่าย พร้อมยกระดับชีวิตคนไทยให้ไร้รอยต่อ ตอบรับกระแสเทคโนโลยีบล็อกเชนที่กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Digital transformation ที่มุ่งมั่นผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงควบคู่กับการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยี





นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ J Ventures ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีในเครือเจมาร์ท เปิดเผยว่า กว่า 5 ปีที่ผ่านมาของ เจ เวนเจอร์ส เรามีความมุ่งมั่นที่ต้องการผลักดันให้เกิดการใช้เหรียญ JFIN ที่ได้เปิดตัวเมื่อปี 2560 โดยที่ผ่านมาเราได้ร่วมมือกับพันธมิตรมากมาย อาทิ ร้านค้าในเครือเจมาร์ท, ร้านกาแฟ Casa Lapin, Rabbit Rewards หรือตู้เต่าบิน เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเหรียญ JFIN ในรูปแบบที่เรียกว่า JFIN Adoption ผ่านแอปพลิเคชัน J.ID ที่มีฟีเจอร์หลักในการเก็บเหรียญ JFIN และสามารถยืนยันตัวตนได้ตามมาตรฐาน NDID พร้อมรับสิทธิพิเศษจากพาร์ทเนอร์มากมายผ่านทางแอปพลิเคชัย ซึ่งปัจจุบัน J.ID มีผู้ใช้งานประมาณ 800,000 ผู้ใช้งานและมีการใช้ JFIN หมุนเวียนถึง 4.6 ล้าน และเพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้แอปพลิเคชันไปอีกขั้น ล่าสุดเราได้พัฒนาแอปพลิเคชัน J.ID เวอร์ชัน 3.0 พร้อมรีแบรนด์ให้เป็น “Join Application” ภายใต้คอนเซปต์ Join Your Crypto Experience เชื่อมต่อทุกคนเข้าสู่โลกเทคโนโลยีบล็อกเชนบน Mobie Application





วัตถุประสงค์ของการพัฒนา “Join Application” เกิดจากการที่เราต้องการเพิ่มประสบการณ์ให้แก่ผู้ใช้ทุกกลุ่ม เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวก และรวดเร็ว ตั้งแต่หน้าตาของ Inferface ที่มีความหลากหลายของสี เน้นภาพลักษณ์ที่เป็นกันเอง และสนุกสนาน เชื่อมโยงกับทุกพันธมิตรเพื่อตอบโจทย์ทุกการใช้งานและความต้องการ ซึ่ง Join Application ถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่อยู่ใน JFIN Ecosystem ดังนั้นนอกจากการพัฒนาที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานแล้ว คือยังคงมุ่งมั่นในการสร้างอีโคซิสเต็มของการใช้ JFIN ให้เติบโตขึ้น โดยในอนาคต เจ เวนเจอร์ส มีแผนขยายความร่วมมือทางธุรกิจอีกหลากหลายประเภท เพื่อนำเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยเฉพาะบล็อกเชนมาใช้งานทั้งในอีโคซิสเต็มของเครือ Jaymart Group และพันธมิตรที่หลากหลาย เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานคริปโตแอปพลิเคชันให้แก่คนไทย




“วันนี้เราจะได้ไม่ได้โฟกัสเพียงแค่อีโคซิสเต็มของเจมาร์ทเท่านั้น แต่เราเปิดโอกาสให้กับพันธมิตรทางธุรกิจที่สนใจจะก้าวสู่โลกเทคโนโลยีบล็อกเชนไปด้วยกัน ต่อยอดไปถึงการทำ Utitity NFT เนื่องจากบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทต่อธุรกิจ และจะเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น ดังนั้น การมีแอปพลิเคชัน Join จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ทุกคนเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ง่ายขึ้น และ Join จะเชื่อมต่อจากอีโคซิสเต็มทั้งหมดของเราออกไปสู่พันธมิตรทางธุรกิจและผู้ใช้งาน โดย Join เป็นแอปพลิเคชันที่ทำงานบนระบบบล็อกเชนอย่างแท้จริง โดยปัจจุบันทำงานอยู่บน xCHAIN ซึ่งเป็นบล็อกเชนที่พัฒนาโดยบริษัท บล็อกเชน เวิร์คกิ้ง กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จํากัด หรือ TBWG ซึ่งเป็น 1 ในบริษัทลูกของ เจ เวนเจอร์ส เอง” นายธนวัฒน์กล่าว


นอกจากนี้ Join Application จะทำให้การรับโอนเหรียญดิจิทัลเป็นเรื่องง่าย เพียงสแกน QR กระเป๋าปลายทาง หรือระบุหมายเลขโทรศัพท์ปลายทาง ก็สามารถโอนออกได้ทันที พร้อมการแจ้งเตือนเมื่อรับ-โอนเหรียญสำเร็จ รวมทั้งสามารถจัดการรับ-โอนเหรียญ และ NFTs ได้อย่างสะดวก และปลอดภัย ทั้งภายใน Join Wallet และ Exchange รวมถึง Network อื่นๆ โดยจะแสดงประวัติ และสลิปรายการอย่างครบถ้วน และนอกจากนี้ยังสามารถแลกสินค้า ดีลดี สิทธิพิเศษ จากพันธมิตรในรูปแบบ Utility NFTs ที่สามารถส่งต่อให้เพื่อนได้ โดยระบบ e-KYC ยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ง่าย สะดวก และปลอดภัย โดยสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรมมากมายจากพันธมิตรเพื่อรับ NFTs ไปสะสม



Join Application จะช่วยให้ยกระดับให้ เจ เวนเจอร์ส สามารถสร้างอีโคซิสเต็มและนำไปขับเคลื่อน Digital Transformation สู่พันธมิตรได้มากขึ้น โดยในปี 2565 นี้จะพัฒนาฟีเจอร์ต่าง ๆ เพื่อตอบสนองการใช้งานของลูกค้าให้รอบด้าน อีกทั้งเพื่อรองรับการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในรูปแบบ Multi-chain Support ทำงานได้บนบล็อกเชนหลายระบบ รวมถึงเชื่อมบริการ DApps ต่าง ๆ บน Join ให้มีมากขึ้น ซึ่งในวันนี้ เจ เวนเจอร์ส ไม่ได้มองว่าลูกค้าคือกลุ่มผู้ใช้งาน end user เท่านั้น แต่มุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาให้แอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มเป็นรูปแบบของ Web3 Enterprise Blockchain Wallet Application ที่พร้อมรองรับกลุ่มธุรกิจและพันธมิตรที่จะเข้ามาเชื่อมต่อกับ Join และสร้างอีโคซิสเต็มบล็อกเชนให้ใหญ่ขึ้น”


“ในช่วงปีที่ผ่านมาเจ เวนเจอร์ส เอง มีการเติบโตอย่างชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในการด้านของการเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล จากปี 2564 เรามีรายได้ 56.2 ล้านบาท และเริ่มมีกำไรสุทธิ 1.12 ล้านบาท ด้วยรายได้จากแพลตฟอร์มที่ดึงคนเข้ามาใช้งานให้มีจำนวนมากขึ้น และในปี 2565 นี้เราจะนำแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่เรามี รวมถึงจากบริษัทลูกของเราเข้าไปช่วยขับเคลื่อนองค์กรต่างๆ เพื่อทำ Digital Transformation โดยเฉพาะเรื่องของการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนของเราไปเป็นตัวเชื่อมต่อให้ธุรกิจต่างๆ ด้วย Join Application ที่เรามีจะเป็นอีกเครื่องมือที่จะช่วยให้เชื่อมต่อธุรกิจให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพราะเราเชื่อว่าการเติบโตของทุกธุรกิจในปัจจุบันจะต้องไปในรูปแบบการสร้างอีโคซิสเต็ม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปด้วยกัน” นายธนวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

1 Comment


Tanya Yodsao
Tanya Yodsao
Oct 04

เข้าแอพไม่ได้ ต้องทำยังไง

Like
bottom of page